Article / Periorbital Surgery

มีถุงใต้ตา ทำอย่างไรดี? ไม่ยากถ้ารู้ 3 ข้อนี้

12 กันยายน 2563 | โดย Dr.Hope
Share

ปัญหาถุงใต้ตาเป็นปัญหาที่รบกวนใจของใครหลายๆคน ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า ดูสูงวัย คำแนะนำในการแก้ไขถุงใต้ตาจากแพทย์หลายๆท่านก็มีความแตกต่างกัน มีตั้งแต่ทำ thermage, Ulthera, ฉีด filler, ฉีดไขมันตัวเอง จนกระทั่งการทำผ่าตัด แล้วจะเลือกวิธีไหนดี ไม่ยากครับถ้าคุณรู้ต้นเหตุ 3 อย่างของการเกิดถุงใต้ตาครับ

สวัสดีครับ หมอโฮป นพ.อธิคม ถนัดพจนามาตย์ ศัลยแพทย์ตกแต่ง กับ Channel Doctor Hope Plastic Surgery กับความรู้และความจริงในเรื่องศัลยกรรมตกแต่งครับ และนี่คือต้นเหตุ 3 อย่าง ของการเกิดถุงใต้ตาครับ

ต้นเหตุที่ 1 เยื่อหุ้มไขมันใต้ตาหย่อนคล้อย

เยื่อหุ้มไขมันหรือ Orbital septum รอบๆลูกตาของเราจะมีไขมันล้อมรอบอยู่โดยที่จะมี orbital septum เป็นเหมือนถุงหุ้มเอาไว้ orbital septum จะอยู่ลึกลงไปข้างในครับ ถ้าดูในรูปด้านล่าง

เยื่อหุ้มไขมันถุงใต้ตาหย่อน

จากรูปนี้ก็จะเป็นส่วนที่ลูกศรชี้นะครับ อาจจะดูแล้วไม่เข้าใจ ไม่เป็นไรครับ แค่เข้าใจว่าการเกิดถุงใต้ตาเกิดจากความหย่อนคล้อยของอวัยวะตั้งแต่ข้างในครับ เมื่ออายุมากขึ้น orbital septum จะหย่อนตัวลงทำให้ไขมันที่ถูกมันหุ้มไว้หย่อนตามลงมาด้วยจนเห็นเป็นถุงใต้ตาครับ

ต้นเหตุที่ 2 กระดูกเบ้าตามีการยุบตัว

ในคนที่มีร่องใต้ตาถ้าเอานิ้วคลำดูจะรู้สึกได้เลยว่าร่องใต้ตานี้จะอยู่ตรงกับขอบกระดูกเบ้าตาครับ ซึ่งก็คือบริเวณที่ลูกศรชี้ในรูปด้านล่างนี้ 

กระดูกเบ้าตามีการยุบตัว

เรื่องนี้หลายๆคนอาจจะยังไม่รู้ เมื่อคนเราอายุมากขึ้นนอกจากความหย่อนคล้อยของผิวหนังที่เรามองเห็นได้จากภายนอกแล้ว กระดูกโครงหน้าภายในก็มีการเปลี่ยนแปลงด้วยครับ กระดูกขอบเบ้าตาด้านลงจะมีการยุบตัวลงส่งผลให้เกิดเป็นร่องลึกขึ้น รองนี้มักเรียกกันว่าร่องน้ำตาหรือ tear trough ครับ ซึ่งการเกิดร่องนี้ก็จะยิ่งทำให้เห็นถุงใต้ตาชัดขึ้นครับ


ต้นเหตุที่ 3 ผิวหนังมีการหย่อนคล้อยลงมา

การหย่อนคล้อยของผิวหนังก็เกิดขึ้นทั้งใบหน้าครับ บริเวณหนังตาล่างจะมองเห็นการหย่อนคล้อยลงมาเป็นถุง เพราะบริเวณขอบกระดูกเบ้าตาล่างมีเนื้อเยื่อที่ยึดกระดูกกับผิวหนังไว้ด้วยกัน
จากประสบการณ์ของผม ผมพบว่าต้นเหตุของการเกิดถุงใต้ตามักมาเป็นลำดับ คือ เริ่มจากเยื่อหุ้มไขมันหรือ Orbital septum หย่อนก่อนเหมือนในรูปนี้ครับ

เยื่อหุ้มไขมันหรือ Orbital septum หย่อน

ซึ่งการแก้ไขด้วยเครื่องมืออย่าง Ulthera ก็ได้ผลที่น่าพอใจ หรือถ้าแก้ไขด้วยการผ่าตัดก็สามารถเปิดแผลด้านในข้างเปลือกตา เข้าไปเย็บเยื่อหุ้มไขมันหรือ Orbital septum ให้ตึงโดยที่ไม่ต้องมีแผลภายนอก ซึ่งการผ่าตัดจะได้ความคงทนของผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่า ลำดับต่อมาคือกระดูกขอบเบ้าตาเกิดการยุบตัว เกิดเป็นร่องน้ำตาหรือ tear trough เหมือนในรูปนี้ครับ

กระดูกขอบเบ้าตาเกิดการยุบตัว

การแก้ไขก็จะเป็นการเติมร่องลึกนั้นให้เต็มขึ้นมา ไม่ว่าจะด้วยการใช้ฟิลเลอร์หรือใช้ไขมันตัวเองเติมเข้าไป การใช้ไขมันตัวเองเติมเข้าไปอาจเป็นการตัดบางส่วนจากบริเวณที่เป็นถุงใต้ตา หรือใช้วิธีจัดเรียงไขมันใหม่ หรือจะดูดจากบริเวณอื่นมาฉีดก็ได้ ขึ้นกับความเหมาะสมในคนไข้แต่ละราย ลำดับสุดท้ายคือผิวหนังมีการหย่อนคล้อยเหมือนในรูปนี้ครับ

ผิวหนังมีการหย่อนคล้อย

การแก้ไขก็จะต้องมีการตัดผิวหนังออกบางส่วน ซึ่งจุดนี้ต้องระวังเป็นอย่างมาก เพราะอาจเกิดปัญหาตาปลิ้นตามมาได้ 

สาเหตุที่การแก้ไขปัญหาถุงใต้ตามีความหลากหลายก็เพราะการเกิดถุงใต้ตามีต้นเหตุมากกว่า 1 อย่างนั่นเองครับ เราไม่สามารถใช้เครื่องมือ เช่น Thermage หรือ Ulthera แล้วได้ผลดีกับปัญหาถุงใต้ตาทุกแบบ เราไม่สามารถใช้การฉีดฟิลเลอร์หรือเติมไขมันแก้ปัญหาถุงใต้ตาแล้วได้ผลดีกับคนไข้ทุกคน และการผ่าตัดก็ไม่ได้จำเป็นในคนที่มีปัญหาถุงใต้ตาทุกคนเช่นกันครับ

หมอที่ดีคือหมอที่สามารถเลือกใช้วิธีการแก้ไขปัญหาได้ถูกต้องกับปัญหาที่คนไข้เป็นครับ หรือเรียกว่ารักษาถูกโรคนั่นเองครับ
ถ้ามีปัญหาถุงใต้ตา อยากรู้ว่าควรทำวิธีไหนดี ส่งรูปมาให้ผมช่วยประเมินใน line official ที่ @dr.hope คลิกที่นี่

ใครที่กำลังศึกษาข้อมูลเรื่องการทำศัลยกรรม ไม่ว่าจะเป็น เสริมจมูก ทำตาสองชั้น ยกคิ้ว ดึงหน้า ยุบโหนกแก้ม ตัดกราม อย่าลืมกด Subscribe กด like และสั่นกระดิ่งเอาไว้ นะครับที่ Youtube Channel Dr.Hope จะได้ไม่พลาดคลิปความรู้ดีๆ จากหมอโฮปครับ และฝากติดตาม Page Dr.Hope Plastic Surgery ได้นะครับ ซึ่งจะมีความรู้ดีๆแบบนี้เช่นกันครับ วันนี้ขอลาไปก่อนครับ สวัสดีครับ

รับชมคลิปเต็ม มีถุงใต้ตา ทำอย่างไรดี? ไม่ยากถ้ารู้ 3 ข้อนี้