Share

ศัลยกรรมจมูก Rhinoplasty

การทำศัลยกรรมจมูก เป็นการทำศัลยกรรมอันดับต้นๆ ของชาวเอเชีย และเป็นศัลยกรรมที่ทำมากเป็นอันดับ 1 ใน ประเทศไทย จุดประสงค์เพื่อต้องให้จมูกดูโด่งสวย มีมิติ รับกับใบหน้า ในประเทศไทยส่วนใหญ่การทำศัลยกรรมจมูกจะเน้นไปที่การเสริม (Augmentation Rhinoplasty) เป็นหลัก แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่เป้าหมายไม่ใช่การเสริม แต่เป็นการลดรูปร่างจมูกที่ใหญ่เกินไป แก้ปัญหาทางเดินหายใจ แก้ปัญหาเบี้ยวเอียง หรือปรับเปลี่ยนรูปร่างของจมูกเป็นส่วนๆไป

การผ่าตัดเสริมจมูกมีทั้งการใช้วัสดุสังเคราะห์ทางการแพทย์ เช่น ซิลิโคน กอร์เท็กซ์ หรือใช้เนื้อเยื่อจากร่างกายตัวเอง เช่น กระดูกอ่อนจากใบหู กระดูกอ่อนจากผนังกั้นจมูก กระดูกอ่อนซี่โครง เนื้อเยื่อบริเวณก้นกบ(Dermofat graft) เนื้อเยื่อเหนือขมับ(Temporal fascia)

ซิลิโคนเป็นวัสดุที่นิยมใช้ในการทำศัลยกรรมเสริมจมูก ซึ่งข้อดีของซิลิโคนคือความคงรูปและมีปฏิกิริยากับร่างกายน้อย แต่การใช้ซิลิโคนเสริมจมูกก็ยังสร้างปัญหาตามมาค่อนข้างมากโดยเฉพาะบริเวณปลายจมูก เช่น เนื้อปลายจมูกบาง ทะลุ ปลายจมูกงุ้มลง

สาเหตุเกิดจากบริเวณปลายจมูกเป็นส่วนที่มีการเคลื่อนไหว ถามว่าเคลื่อนไหวได้อย่างไร คำตอบก็คือปลายจมูกมีการเคลื่อนไหวจากการขยับของอวัยวะรอบข้าง ทุกครั้งที่เราพูด เคี้ยวอาหาร ยิ้ม เม้มปาก ลองสังเกตดูก็จะพบว่าปลายจมูกมีการขยับตามไปด้วย เมื่อมีการขยับก็จะเกิดแรงเสียดสี แรงกด ระหว่างซิลิโคนและเนื้อเยื่อที่ปลายจมูก ทำให้เนื้อที่ปลายจมูกค่อยๆบางลงและเกิดปัญหาตามมา บางคนเกิดปัญหาเร็ว บางคนเกิดปัญหาช้า ทั้งๆที่ทำจากแพทย์ท่านเดียวกัน สาเหตุส่วนหนึ่งก็คือพฤติกรรมที่แตกต่างกันนั่นเอง

          ปัจจุบันวิธีการทำศัลยกรรมเสริมจมูกที่เกิดภาวะแทรกซ้อนน้อยและเป็นวิธีที่ยอมรับกันในระดับสากลคือการเสริมจมูกโดยไม่ใช้วัสดุแปลกปลอมใดๆที่ปลายจมูกเลย แต่จะเป็นการปรับโครงสร้างของกระดูกอ่อนปลายจมูก เสริมความแข็งแรง จัดตำแหน่งของกระดูกอ่อนปลายจมูกใหม่ โดยให้ยาวขึ้น สูงขึ้น เรียวเล็กลง แก้ปัญหาจมูกที่สั้น เชิด แบบจมูกหมู ปลายจมูกงุ้ม จมูกใหญ่ จมูกทรงชมพู่ โดยใช้ทั้งเทคนิคการเย็บและการใช้กระดูกอ่อนจากส่วนอื่นมาปรับโครงสร้าง ตามความต้องการของคนไข้ที่แตกต่างกันออกไป โดยที่ไม่มีสิ่งแปลกปลอมใดๆบริเวณปลายจมูก

ทำให้การเสริมจมูกด้วยวิธีนี้ปลอดภัย ลดปัญหาการทะลุ ไม่มีการผิดรูปของโครงสร้างภายในจมูก แต่การจะทำการปรับโครงสร้างด้วยวิธีนี้ได้นั้นจำเป็นต้องใช้วิธีการเปิดแผลแบบโอเพ่น (Open Rhinoplasty) เพื่อเปิดจมูกขึ้นให้เห็นโครงสร้างภายในทั้งหมด เนื่องจากการเปิดแผลแค่ภายในรูจมูก (Close Rhinoplasty) จะไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างปลายจมูกตามที่ต้องการได้

          บริเวณสันจมูกนั้น จะต้องตรวจดูโครงสร้างของสันจมูกก่อน ถ้ามีปัญหาฐานเบี้ยว เอียง จมูกคด แกนใหญ่ หรือมีฮัมพ์ จะทำการแก้ไขและปรับโครงสร้างฐานก่อนจึงจะเสริม

ในผู้ที่มีปัญหากระดูกฐานจมูกกว้างการเสริมอย่างเดียวอาจจะไม่ได้ผลลัพธ์ที่ตรงใจ การตอกยุบกระดูกฐานจมูกร่วมด้วยจะช่วยให้ได้รูปสันจมูกที่มีมิติชัดเจนขึ้น

          การเสริมสันจมูก แบ่งวัสดุที่จะใช้เสริมออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ การใช้วัสดุสังเคราะห์ทางการแพทย์ เช่น ซิลิโคน กอร์เท็กซ์ และ การใช้เนื้อเยื่อจากร่างกายตัวเอง

          1.วัสดุสังเคราะห์ทางการแพทย์ที่นิยมใช้มาอย่างยาวนานคือ ซิลิโคน เนื่องจากคงรูปและมีปฏิกิริยากับร่างกายน้อย แต่ก็มีข้อเสียคือมีโอกาสเกิดพังผืดหดรั้งและหินปูนเกาะที่ผิวพังผืด ทำให้เกิดผิวหนังขรุขระตามมาได้ ส่วนวัสดุวัสดุสังเคราะห์ทางการแพทย์ที่นิยมอีกชนิดหนึ่งคือ กอร์เท็กซ์ ซึ่งมีงานวิจัยพบว่าไม่ได้มีข้อดีเหนือกว่าการใช้ซิลิโคนเลย อีกทั้งยังเกิดการยุบตัวได้

          2.เนื้อเยื่อจากร่างกายตัวเอง มีข้อดีคืออัตราการติดเชื้อต่ำมาก ไม่เกิดพังผืดหดรั้ง ผสานเป็นเนื้อเดียวกับเนื้อจมูกทำให้ไม่เกิดปัญหาเบี้ยวเอียงตามมา โดยส่วนที่นำมาใช้เสริมสันจมูกได้คือ เนื้อก้นกบ(Dermofat graft) ซึ่งเป็นชั้นหนังแท้ติดไขมัน มีความนิ่ม เหมาะกับการเสริมสันจมูกที่ต้องการความสูงเพิ่มไม่มากนัก ถ้าต้องการเพิ่มความสูงสันจมูกค่อนข้างมากการใช้กระดูกอ่อนซี่โครงร่วมกับเนื้อเยื่อเหนือขมับ(Temporal fascia) จะเหมาะสมมากกว่า

          เทคนิคศัลยกรรมจมูกแบบปรับโครงสร้างด้วยการเปิดแผลแบบโอเพ่น (Open Rhinoplasty) เป็นการผ่าตัดที่ต้องใช้ความละเอียด ประณีต และต้องอาศัยประสบการณ์ค่อนข้างสูง จึงควรเลือกทำศัลยกรรมกับแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง (Plastic Surgeon) จึงจะปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดี (สามารถตรวจสอบได้จาก สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย หรือ แพทยสภา)

 

Share