Article / Structural Rhinoplasty

หมอศัลยกรรม คือใคร?

28 มีนาคม 2564 | โดย Dr.Hope
Share

พูดถึงการทำศัลยกรรม คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงการทำศัลยกรรมเสริมความงาม อย่างเช่น เสริมจมูก ทำตาสองชั้น เสริมหน้าอก ดูดไขมัน เป็นต้น แต่จริง ๆ แล้ว งานของศัลยแพทย์คืออะไร ศัลยแพทย์มีกี่สาขา ศัลยแพทย์ทุกคนทำศัลยกรรมความงามหรือไม่ มาหาคำตอบกันครับ ในบทความนี้ผมอยากให้ทุกคนได้รู้ว่าหมอศัลยกรรมคือใคร มีสาขาอะไรบ้าง และกว่าจะได้เป็นหมอศัลยกรรมต้องทำอย่างไรครับ

แพทย์เฉพาะทาง

ถ้าพูดถึงการอบรมแพทย์ประจำบ้าน เรื่องของวุฒิบัตร ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าคืออะไร แต่ถ้าพูดว่าแพทย์เฉพาะทางอาจจะพอคุ้นเคยกันบ้าง แพทย์เฉพาะทางก็คือแพทย์ที่ได้ศึกษาต่อหลังจากจบการศึกษาแพทยศาสตร์บัณฑิตแล้ว

น่าจะทราบกันดีว่าการศึกษาแพทย์ใช้เวลาเรียน 6 ปี ผมขอเล่าจากประสบการณ์ของผมเมื่อ 20 ปี นะครับ โดยปีแรกจะเป็นการเรียนวิชาวิทยาศาตร์ต่าง ๆ เช่น คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา และวิชาอื่นๆที่เป็นประโยชน์ เช่น ภาษาอังกฤษ สังคมศาสตร์

ปีที่สองจะเป็นการเรียนเกี่ยวกับร่างกายของมนุษย์ กลไกการทำงานระบบต่างๆ ตำแหน่งของอวัยวะต่างๆ
ปีที่สามจะเรียนเกี่ยวกับโรค กลไกการเกิดโรค กลไกการทำงานของยาทั้งหมด
ส่วนในปีที่ 4-6 จะเป็นการเรียนโดยศึกษาจากคนไข้ ลักษณะการเรียนจะเปลี่ยนแปลงไปจาก 3 ปีแรก โดยการเรียนแบบเลคเชอร์ลดลง แต่จะเน้นศึกษาจากคนไข้จริง โดยนักศึกษาแพทย์จะต้องมีการไปซักประวัติ ตรวจร่างกายคนไข้ และต้องไปค้นคว้า อ่านตำรา เพื่อหาแนวทางวินิจฉัยและทำรายงานส่งอาจารย์ แต่จะยังไม่ได้รักษาคนไข้นะครับ จะมีแพทย์ที่ศึกษาในระดับที่สูงกว่านักศึกษาแพทย์ก็คือแพทย์ประจำบ้านดูแลคนไข้อีกที เรื่องแพทย์ประจำบ้านผมจะอธิบายอีกทีนะครับ เอาง่ายๆ คือในการดูแลคนไข้ผมจะแบ่งกลุ่มแพทย์ที่ดูแลเป็น 3 ระดับ คือ อาจารย์แพทย์ แพทย์ประจำบ้าน และนักศึกษาแพทย์ ครับ ในการเรียนปี 4-6 ก็จะมีการหมุนเวียนไปในสาขาต่าง ๆ ครับ โดยสาขาหลักก็คือ ศัลยกรรม อายุรกรรม สูตินรีเวชกรรมและกุมารเวชกรรม ซึ่งจะใช้เวลานานที่สุดครับ สมัยผมเรียนก็จะอยู่ในแต่ละสาขานี้ประมาณ 6 สัปดาห์ต่อปีครับ ส่วนสาขาอื่นๆ จะใช้เวลาน้อยกว่านี้ครับ เช่น จิตเวช จักษุ หูคอจมูก วิสัญญี จะใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์ ในช่วง 3 ปีนี้ครับ

วิชาศัลยกรรม

มาพูดถึงเรื่องศัลยกรรม ช่วงที่เรียนวิชาศัลยกรรมในระดับนักศึกษาแพทย์ก็จะยังมีการแบ่งย่อยสาขาลงไปอีก เช่น ศัลยกรรมทั่วไป ศัลยกรรมระบบทางเดินปัสสาวะ ศัลยกรรมเด็ก ศัลยกรรมระบบประสาท ศัลยกรรมทรวงอกและศัลยกรรมตกแต่ง ซึ่งระยะเวลาส่วนใหญ่จะอยู่ที่ศัลยกรรมทั่วไป โดยศัลยกรรมสาขาอื่นจะหมุนเวียนประมาณ 1-2 สัปดาห์ ในช่วง 3 ปีนี้ครับ หมายความว่าในการเรียนแพทย์ 6 ปี จะเรียนเกี่ยวกับศัลยกรรมตกแต่งประมาณ 1-2 สัปดาห์ครับ

เมื่อเรียนจบ 6 ปี มีการสอบต่างๆผ่านแล้ว ก็จะเป็นหมอแล้วครับ ถ้าเข้ามหาวิทยาลัยตอนอายุ 18 ปี ก็จะจบแพทย์ตอนอายุ 24 ปี ครับ จะได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม ซึ่งหน่วยงานที่ดูแลก็คือแพทยสภาครับ การเรียนแพทย์ 6 ปี ยังไม่เพียงพอครับ เพราะยังขาดประสบการณ์จึงต้องให้มีการปฏิบัติงานเป็นแพทย์เพิ่มพูนทักษะอีก 1 ปี ครับ

มาตรฐานและการสอบของศัลยกรรม

มาถึงเรื่องของหมอศัลยกรรม การจะเป็นหมอศัลยกรรมได้นั้นต้องมีการศึกษาต่อครับ ซึ่งการควบคุมและกำหนดมาตรฐานมีแพทยสภาดูแลครับ โดยรายละเอียดของการอบรมแพทยสภาจะให้ราชวิทยาลัยของแต่ละสาขาควบคุมครับ โดยราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทยจะควบคุม กำหนดมาตรฐานและการสอบของศัลยกรรมทุกสาขาครับ แพทย์ที่เรียนจบ 6 ปี แล้วต้องการเป็นศัลยแพทย์ต้องทำอย่างไรบ้าง มาดูแผนภาพนี้ครับ

แผนภาพนี้ผมเอามาจากเวปไซต์ของราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทยครับ จากข้างบนคือผู้ที่ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ตาม พรบ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ก็คือจบแพทย์ 6 ปี จะต้องผ่านการปฏิบัติงานตามโครงการเพิ่มพูนทักษะ 1 ปี จากนั้นจึงสามารถศึกษาต่อเพื่อเป็นศัลยแพทย์ได้ครับ จากแผนภาพนี้จะแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ใหญ่ๆครับ

กลุ่มแรกคือ เมื่อผ่านการเพิ่มพูนทักษะแล้วสามารถเข้าเรียนได้เลย ซึ่งจะมี ประสาทศัลยศาสตร์ กุมารศัลยศาสตร์ ศัลยศาสตร์ และศัลยศาสตร์ทรวงอก บางสาขาก็เรียน 4 ปี บางสาขาก็เรียน 5 ปี ครับ ในสาขาศัลยศาสตร์เมื่อจบแล้วสามารถเรียนต่ออีก 2 ปีในสาขาย่อยได้ เช่น ศัลยศาสตร์มะเร็ง ศัลยศาสตร์ลำไส้ใหญ่และทวารหนัก ศัลยศาสตร์หลอดเลือด ศัลยศาสตร์อุบัติเหตุ หรือจะเรียนต่อในสาขา ศัลยศาสตร์ทรวงอก ศัลยศาสตร์ยูโรวิทยา หรือศัลยศาสตร์ตกแต่งก็ได้ครับ

กลุ่มที่สองคือศัลยศาสตร์ยูโรวิทยา ถ้าผ่านการเพิ่มพูนทักษะแล้ว มีต้นสังกัดราชการจะสามารถสมัครเข้าเรียนต่อได้เลยครับ แต่ถ้าไม่มีต้นสังกัดราชการต้องทำงานใช้ทุนต่ออีก 2 ปี จึงสามารถสมัครเรียนได้ครับ โดยใช้เวลาเรียน 4 ปี ครับ

กลุ่มที่สามคือศัลยศาสตร์ตกแต่ง เมื่อผ่านการเพิ่มพูนทักษะ 1 ปีแล้ว ต้องทำงานใช้ทุนต่ออีก 2 ปี ถึงจะสามารถสมัครเรียนได้ครับ ถ้าเข้าเรียนแพทย์ตอนอายุ 18 ปี ตอนเริ่มเรียนศัลยกรรมตกแต่งก็จะอายุ 27 ปีครับและใช้เวลาเรียน 5 ปี ครับ

จากในแผนภาพนี้จะเห็นได้ว่าการเรียนศัลยศาสตร์จะมีอยู่หลายสาขาด้วยกันครับ ตั้งแต่ประสาทศัลยศาตร์ กุมารศัลยศาสตร์ ศัลยศาสตร์หรือมักเรียกว่าศัลยศาสตร์ทั่วไป ศัลยศาสตร์ทรวงอก ศัลยศาสตร์ยูโรวิทยาและศัลยศาสตร์ตกแต่งครับ

ในระหว่างที่เรียนจะเรียกผู้ที่เรียนว่าแพทย์ประจำบ้านครับ ซึ่งมาจากคำว่า resident ครับ เนื่องจากว่าการเรียนจะหนักมากต้องดูแลคนไข้ตลอดทั้งวันและไม่มีวันหยุด จึงมักต้องกินนอนอยู่ในโรงพยาบาลครับ
การเรียนศัลยกรรมในแต่ละสาขาที่พูดมา ในปีแรกจะเรียนเหมือนกันหมดทุกคนครับ โดยจะหมุนเวียนไปในทุก ๆสาขาครับ รวมถึงต้องเรียนเรื่องวิสัญญีหรือการดมยาด้วยครับ หลังจากนั้นในปีที่ 2 ก็จะแยกกันไปในแต่ละสาขาครับ ยกเว้นศัลยกรรมทั่วไป ศัลยกรรมทรวงอกและศัลยกรรมตกแต่ง ยังเรียนศัลยกรรมทั่วไปด้วยกันอยู่ครับ สาขาศัลยกรรมตกแต่งจะแยกไปเรียนตอนปีที่ 3 ครับ

สาขาของศัลยกรรมตกแต่ง

แล้วในแต่ละสาขาแตกต่างกันอย่างไร

  • สาขาประสาทศัลยศาสตร์ จะเป็นการผ่าตัดรักษาโรคเกี่ยวกับสมองและไขสันหลังครับ เช่น เลือดออกในสมอง เนื้องอกในสมอง ครับ
  • สาขากุมารศัลยศาสตร์หรือศัลยกรรมเด็ก จะเป็นการผ่าตัดรักษาในเด็กครับ เช่น โรคในช่องท้อง ลำไส้ แต่พวกความผิดปกติบนใบหน้า เช่น ปากแหว่งเพดานโหว่ จะเป็นหน้าที่ของศัลยแพทย์ตกแต่ง
  • สาขาศัลยศาสตร์ทั่วไป จะผ่าตัดหลายส่วนมากครับ ทั้งระบบทางเดินอาหาร ตับ ท่อน้ำดี ก้อนเต้านม มะเร็งเต้านม ต่อมฮอร์โมนเช่น ไทรอยด์ ต่อมหมวกไต หลอดเลือด
  • สาขาศัลยศาสตร์ทรวงอก จะผ่าตัดหัวใจ ปอด หลอดเลือดครับ
  • สาขาศัลยศาสตร์ยูโรวิทยา จะผ่าตัดรักษาอวัยวะในระบบทางเดินปัสสาวะครับ
  • สุดท้ายคือสาขาศัลยศาสตร์ตกแต่ง ศัลยศาสตร์ตกแต่งจะมีการผ่าตัดตั้งแต่หัวจรดเท้าครับ โดยหลักสูตรที่เรียนจะแบ่งเป็น 2 เรื่องใหญ่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกันและเป็นพื้นฐานของกันและกัน คือ ศัลยศาสตร์ตกแต่งแต่งเสริมสร้าง และ ศัลยศาสตร์ตกแต่งเสริมสวย ขอเรียกสั้น ๆ ว่า เสริมสร้างและเสริมสวย

สาขาศัลยศาสตร์ตกแต่ง

การเสริมสร้าง คือ การทำสิ่งที่ผิดปกติ ให้กลับมาปกติหรือใกล้เคียงปกติ ยกตัวอย่างเช่น เป็นมะเร็งผิวหนังบนใบหน้า จะต้องตัดมะเร็งและปิดแผลโดยให้ใบหน้าดูใกล้เคียงปกติมากที่สุด เป็นมะเร็งที่กระดูกกรามต้องตัดมะเร็งที่กรามออกและย้ายกระดูกส่วนอื่นมาทำกรามขึ้นใหม่ เต้านมเป็นมะเร็งเมื่อตัดออกแล้วต้องสร้างเต้านมขึ้นใหม่ให้ใกล้เคียงของเดิมไม่ว่าจะใช้ซิลิโคนหรือย้ายเนื้อเยื่อจากส่วนอื่นมาแทน มีแผลขนาดใหญ่ที่ขาเย็บปิดไม่ได้ต้องย้ายเนื้อเยื่อส่วนอื่นมาช่วยปิดแผล เป็นต้นครับ

เรื่องการเสริมสวย คงเป็นเรื่องที่หลายๆ คนคุ้นเคยกันดี ไม่ว่าจะเป็นการเสริมจมูก ทำตาสองชั้น ผ่ากระดูกโครงหน้า ดึงหน้า เสริมหน้าอก ดูดไขมัน แปลงเพศ ซึ่งการผ่าตัดเสริมสวยทุกอย่างมีการกำหนดไว้ในหลักสูตรของราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย หมายความว่าการที่จะเป็นศัลยแพทย์ตกแต่งได้นั้นต้องทำการผ่าตัดเสริมสวยเป็นหมดครับ
ในเรื่องงานทั้งหมดของศัลยแพทย์ตกแต่งถ้าให้พูดทั้งหมดคงยาวมาก ผมยกตัวอย่างมาให้เห็นเพียงบางส่วนจะได้เข้าใจว่าศัลยกรรมตกแต่งมีงานหลากหลายมากครับและการทำศัลยกรรมความงามหรือเสริมสวยเป็นเพียงส่วนหนึ่งของงานทั้งหมดของศัลยแพทย์ตกแต่งครับ

การเรียนศัลยกรรมตกแต่งใช้เวลา 5 ปี ถ้าเข้ามหาวิทยาลัยตอนอายุ 18 ปี ตอนจบศัลยกรรมตกแต่งก็จะอายุ 32 ปี ครับ

จากที่พูดมาทั้งหมดจะเห็นได้ว่าหมอศัลยกรรมหรือศัลยแพทย์มีหลายสาขาครับ แต่ละสาขาก็มีงานที่แตกต่างกัน เมื่อพูดถึงการทำศัลยกรรมก็อย่านึกถึงแต่ศัลยกรรมเสริมสวยอย่างเดียวนะครับ และในแต่ละสาขาของศัลยกรรมเมื่อเรียนจบก็จะมีการสอบถ้าสอบผ่านก็จะได้รับวุฒิบัตรจากแพทยสภาและเป็นศัลยแพทย์ในแต่ละสาขาเต็มตัวครับ

ถ้ามีปัญหาเรื่องของการทำศัลยกรรมทุก ๆเรื่อง สนใจอยากทำศัลยกรรม อยากได้คำปรึกษา ส่งรูปมาให้ผมช่วยประเมินใน line official ที่ @dr.hope ได้นะครับ

รับชมคลิป หมอศัลยกรรมคือใคร ?